พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองลับแล
มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งเข้าไปในป่า ได้เห็นหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมา ครั้นมาถึงชายป่า นางเหล่านั้นก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ในที่ต่าง ๆ แล้วก็เข้าไปในเมืองด้วยความ สงสัยชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบเพราะชายหนุ่ม แอบหยิบมา นางวิตกเดือดร้อนมาก ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลก เปลี่ยนคือขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอม นางจึงพา ชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง นางอธิบายว่า คนในหมู่บ้านนี้ ล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์ ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชาย ส่วนมากมักไม่รักษา วาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด แล้วนางก็พาชายหนุ่มไปพบมารดาของนาง ชายหนุ่ม เกิดความรักใคร่ในตัวนางจึงขออาศัยอยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอมแต่ให้ชายหนุ่มสัญญา ว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน ชายหนุ่มผู้พ่อเลี้ยงบุตรอยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอม หยุด ผู้เป็นพ่อจึงปลอบว่า ?แม่มาแล้ว ๆ? มารดาของภรรยาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่บุตรเขยพูดเท็จ เมื่อบุตรสาวกลับมาก็บอกให้รู้เรื่อง ฝ่ายภรรยาของชายหนุ่มเสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์ นางบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย แล้วนางก็จัดหาย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้ สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พา สามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้ แล้ว นางก็กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำต้องเดิน ทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขารู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาหนักขึ้น เรื่อย ๆ และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด ครั้นเดิน ทางกลับไปถึงหมู่บ้านเดิมบรรดาญาติมิตรต่างก็ ซักถามว่าหายไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานานชาย หนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขาทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทองคำทั้ง แท่ง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไปหมดแล้ว และเมื่อขุดดูก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทองแต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่งที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตามเดิม
ปัจจุบันอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นอำเภอที่มีความน่าสนใจ เหมาะสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเกษตรกรรม วัดวาอารามในอำเภอลับแล อาทิ วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง ได้มีการจัดงานประเพรีอัฐมีบูชา หรือ ประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง ขึ้นทุกปี ในช่วงวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่มีความเก่าแก่ และหาชมได้ยากในปัจจุบัน ชาวอำเภอลับแล และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ได้ให้ความสำคัญกับประเพณีอันดีงามนี้ โดยจัดให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดอุตรดิตถ์สืบต่อกันมาทุกปี
นอกจากนี้ ด้วยสภาพภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่มีที่ใดเสมอเหมือน ทำให้ชาวบ้านในอำเภอลับแล สามารถผลิตผลไม้ประเภททุเรียนพันธุ์หลงลับแล และ หลินลับแล ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ ที่ปลูกได้ในพื้นที่อำเภอลับแลเท่านั้น มีรสชาติอร่อย ราคาแพง แต่สามารถหาซื้อรับประทานได้ โดยทุเรียนพันธุ์หลงลับแล และ หลินลับแล นั้นจะออกในช่วงเดือนมิถุนายน และ กรกฎาคม
หากนักท่องเที่ยวมีความสนใจ ทางอำเภอลับแลได้จัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ชมสวนทุเรียน และโบราณสถานต่างๆ ในอำเภอลับแล ไว้คอยบริการ นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวสวนทุเรียน ซึ่งมีการเก็บเกี่ยว การขนส่งทุเรียนจากต้นข้ามภูเขา โดยการใช้รอกลวดสลิง และการขับขี่รถจักรยานยนต์บรรทุกทุเรียนลงมาจากภูเขาด้วยความชำนาญ นอกจากทุเรียนแล้ว ก็ยังมีผลไม้อื่นอีก เช่น ลางสาด , ลางกอง (สายพันธุ์ผสมกับ ลางสาด) นับได้ว่า หากมาเที่ยวเมืองลับแล้ว คงต้องใช้เวลา 2 – 3 วัน จึงจะเดินทางท่องเที่ยวชมวิถีชีวิต ซึมซับประสบการณ์ใหม่ของชาวอุตรดิตถ์ ได้อย่างครบถ้วนการบูรณาการแหล่งเรียนรู้
วิชา สังคมศึกษา ชั้นปีที่ 4 เรื่อง วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยในอดีตโบราณ
ผลการเรียนรู้ที่จะได้รับใ
แบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็น 4 กลุ่ม โดยให้ผู้เรียนในแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาจับฉลากหัวข้อเรื่องที่ตนเองต้องไปศึกษาเพื่อนำมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง โดยจะให้เวลาศึกษากลุ่มละ 30 นาที แล้วหลังจากนั้นกลับมาเล่าให้เพื่อนๆฟังถึงเรื่องที่กลุ่มของตนเองได้ไปศึกษามา เมื่อทุกกลุ่มเล่าเรื่องของตนเองจบ ก็ให้เวลาผู้เรียนได้ไปค้นหาความรู้ด้วยตนเองอีกภายในเวลา 30 นาที เมื่อถึงเวลาที่กำหนดแล้วก็ให้ผู้เรียนกลับมาที่จุดนัดหมาย ผู้เรียนจะเกิดความอยากรู้ในสิ่งที่เพื่อนไปศึกษา และจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดกันในเรื่องที่น่าสนใจและไม่น่าสนใจ
หัวข้อที่ให้ผู้เรียนไปค้นหา มีทั้งหมด 5 หัวข้อ
1) ประวัติผ้าซิ่นตีนจก
2) ประวัตอการทำไม้กวาด
3) ประวัติอาหารการกิน
4) ประวัติการจักสาน
ผลการเรียนรู้ที่จะได้รับในด้านทัศนคติ
ผู้เรียนเกิดความไคร่อยากรู้ประวัติศาสตร์ โดยการศึกษาด้วยตนเอง ผ่านทางตัวอักษรที่แปะไว้ข้างฝาผนังและผ่านสื่ออุปกรณ์จริงที่มีการจัดแสดงโชว์ภายในพิพิธภัณฑ์ ทำให้ผู้เรียนเกิดทัศนคติในด้านบวกกับวิชาที่เรียนและเกิดแรงผลักดันในทางบวกให้ผู้เรียนอยากเรียนมากขึ้น
ผลการเรียนรู้ที่จะได้รับในด้านทักษะ
ผู้เรียนสามารถค้นหาข้อมูลตามที่ผู้สอนได้มอบหมายให้ไปค้นหาแล้วนำมเล่าให้เพื่อนฟังได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.wowutd.com/เที่ยวอุตรดิตถ์/html/0000018.html
No comments:
Post a Comment